วันที่ 13 ก.พคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เงินสะพัดในช่วงเดือนก.พ.67 คาดว่า เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 80,000-90,000 ล้านบาท เนื่องจากมีหลายเทศกาลที่ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอย ทั้งใช้จ่ายของคนไทยจากช่วงตรุษจีน วาเลนไทน์ และมาฆบูชา ประมาณ 60,000 ล้านบาท รวมกับเงินที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้จ่ายในไทยอีกประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท หากเดือนมี.ค. ยังมีตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ และเดือนเม.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. เงินงบประมาณจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตามแผนที่กำหนดไว้ รวมกับมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยมากขึ้น และราคาสินค้าเกษตรยังดีต่อเนื่อง จะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 67 ยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย
ส่วนผลสำรวจผู้บริโภค พบว่า เศรษฐกิจปัจจุบัน เริ่มฟื้นแล้ว แม้ยังไม่โดดเด่น แต่ทำให้กล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เห็นได้จาก ดัชนีความเหมาะสมซื้อรถยนต์คันใหม่ปัจจุบัน อยู่ที่ 92.0 สูงสุดรอบ 59 เดือนนับจากเดือนมี.ค.62, ดัชนีความเหมาะสมซื้อบ้านหลังใหม่ อยู่ที่ 71.0 สูงสุดรอบ 64 เดือนนับตั้งแต่เดือนต.ค.61, ดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว อยู่ที่ 109.4 สูงสุดรอบ 130 เดือนนับตั้งแต่เดือนเม.ย.56 และดัชนีความเหมาะสมลงทุนทำธุรกิจของเอสเอ็มอี อยู่ที่ 59.0 สูงสุดรอบ 107 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค.58
ขณะเดียวกัน ดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิตเดือนม.ค.67 อยู่ที่ 82.5 ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และสูงสุดรอบ 59 เดือนนับจากเดือนมี.ค.62 และดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง อยู่ที่ 73.0 ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และสูงสุดรอบ 56 เดือนนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.62 เพราะการเมืองในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น
“ผู้บริโภคมองว่า เศรษฐกิจปัจจุบัน ยังไม่โดดเด่น แต่คาดในอนาคตจะดีขึ้น เพราะมี 4 ประสานที่จะช่วยชับเคลื่อน ทั้งการท่องเที่ยว การส่งออกที่เริ่มดีขึ้น ราคาสินค้าสำคัญทุกตัวเพิ่มขึ้น ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา หนุนกำลังซื้อภาคเกษตร รวมถึงเงินงบประมาณที่จะเข้าสู่ระบบราวเดือนเม.ย. ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ 3-3.5% แต่ถ้ารัฐบาลผลักดันเงินดิจิทัลออกมาใช้ได้ ก็จะเติบโตใกล้เคียง 4%”
นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.67 อยู่ที่ 62.9 เพิ่มจาก 62.0 ในเดือนธ.ค.66 สูงสุดรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่ มี.ค.63 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม 56.9 เพิ่มจาก 56.0, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ 59.5 เพิ่มจาก 58.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต 72.2 เพิ่มจาก 71.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย อยู่ที่ 54.8 เพิ่มจาก 54.7 ในเดือนธ.ค.66 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
สำหรับปัจจัยบวกสำคัญ ที่ทำให้ดัชนี 2 รายการเพิ่มขึ้น คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 67 เช่น โครงการอีซี่ อี-รีซีท ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น, มาตรการลดค่าไฟฟ้า ลดราคาเบนซิน และตรึงราคาดีเซล, มาตรการฟรีวีซ่ากับนักท่องเที่ยวบางประเทศ เช่น จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน ที่กระตุ้นการท่องเที่ยว และทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนมากขึ้น, พืชผลเกษตรราคาดีขึ้น หนุนกำลังซื้อในต่างจังหวัด, ราคาน้ำมันดีเซลทรงตัว และการส่งออกดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยกังวล คือ เศรษฐกิจไทยโตต่ำ, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า รายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ, สงครามที่ยังยืดเยื้อ ทั้งรัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-กลุ่มฮามาส ทำให้ราคาพลังงานโลกสูงขึ้น, ภัยแล้ง